วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

วัดคฤหบดี

วัดคฤหัสบดี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี

ที่ตั้ง ตรงท่าน้ำวัดคฤหบดี ใกล้กับสะพานพระราม 8 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร

     สำหรับผู้ที่สัญจรมาจากแยกบางขุนพรหมขึ้นไปบนสะพานพระราม 8 จะมองเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ทางฝั่งขวา เขียนว่า วัดคฤหัสบดี พระอารามหลวง

     เริ่มต้นเข้าวัดจากเชิงสะพานพระราม 8 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยซึ่งค่อนข้างจะแคบ ถ้านำรถยนต์มาเองจะลำบากหน่อย แต่ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ก็สะดวกเลยครับ ตลอดทางจะมีป้ายบอกก่อนถึงทางเลี้ยว 

     เมื่อเข้ามาถึงเขตวัดจะมีที่จอดรถ และสิ่งแรกที่จะเห็นก่อนเข้าพระอุโบสถ คือ รูปปั้นสมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี







     ด้านหลังรูปปั้นสมเด็จพระพุทธาจารย์โต เป็นเจดีย์ซึ่งมีขนาดไม่สูงนัก และมีรูปทรงสวยงาม







     ถัดจากองค์เจดีย์เป็นวิหารที่ภายในประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อพระพุทธแซกคำจำลอง







     เมื่อก้าวผ่านกำแพงวัดเข้าสู่เขตพระอุโบสถ จะมองเห็นพระอุโบสถที่ขนาดไม่ใหญ่นัก และด้านข้างจะเป็นวิหารอีก 1 แห่ง




     มุมมองด้านหน้าของพระอุโบสถ



มุมมองด้านข้างของพระอุโบสถ








 สำหรับมุมนี้ของพระอุโบสถ สามารถมองเห็นสะพาน
พระราม 8 ได้อีกด้วย




พระประธานในพระอุโบสถ คือ หลวงพ่อพระพุทธแซกคำ

     หลวงพ่อพระพุทธแซกคำ เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองคำ หน้าตักกว้าง 18 นิ้ว สูง 65 ซม. ภายในองค์หลวงพ่อได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 9 องค์ ถือเป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ในสมัยอาณาจักรล้านนา ซึ่งมีพระเจ้าไชยเชษฐาเป็นพระมหากษัตริย์

     กาลต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ต้องไปครองอาณาจักรล้านช้าง (หลวงพระบาง) ได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่สำคัญไปด้วย 3 องค์ คือ พระแก้วมรกต พระพุทธแซกคำ และพระบาง

     ต่อมาพระองค์ได้ย้ายราชธานีไปตั้งที่นครเวียงจันทน์ ได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ไปด้วย

     สำหรับการมาประดิษฐานที่ประเทศไทย สืบเนื่องจากเจ้าพระยาบดินทรเดชา ในสมัย ร.3 ได้เป็นแม่ทัพไปปราบกบฏที่เวียงจันทน์ และได้อัญเชิญพระพุทธแซกคำ (ซึ่งมิได้ถูกอัญเชิญมาเพราะรอดหูรอดตา เมื่อครั้งที่เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ยกทัพไปตีลาว) นำมาทูลถวาย ร.3 พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระพุทธแซกคำ ให้มาเป็นพระประธานสถิตย์ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดคฤหัสบดี ตั้งแต่ปี พ.. 2369 จวบจนปัจจุบัน









พระราชานุสาวรีย์พระนางเจ้าจามเทวี

     สร้างขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ คือ สร้างเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2554

ตำนานของพระนางเจ้าจามเทวีกับพระพุทธแซกคำ

     ในปี พ.ศ. 2499 พระเดชพระคุณพระญาณรังสี (หลวงปู่โต๊ะ พรหมโชตะมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดคฤหัสบดี รูปที่ 9 ได้ปรารภถึงหลวงพ่อพระพุทธแซกคำ ว่าผู้ใดเป็นผู้สร้างกันแน่ และได้กล่าวเล่าเรื่องตำนานการสร้างหลวงพ่อพุทธแซกคำ ด้วยแรงแห่งการอธิษฐานจิตของพระนางเจ้าจามเทวี ไว้ดังนี้

     ครั้งเมื่อพระนางเจ้าจามเทวี ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นกษัตริยาแห่งนครหริภุญไชย ได้ให้ช่างสร้างพระพุทธรูปขึ้นมา 3 องค์ เพื่อเป็นการบูชาคุณพระชนก พระชนนี และเป็นการฉลองในส่วนของพระองค์เอง และได้ทรงตั้งอธิษฐานว่า พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ สวยงามไม่มีที่ติ ถ้าหากว่ามีพระพุทธรูปองค์ใดที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งกว่า ก็ขอให้มาปรากฏในมหามณฑลพิธีนี้

     เมื่อจบคำอธิษฐาน ทั่วมณฑลพิธีปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีขาว และมีลำแสงสีทองพาดลงมาจากฟากฟ้า ปรากฏว่ามีพระพุทธรูปทองคำ ซึ่งมีพุทธลักษณะงดงามมาก แหวกอากาศตามลำแสงสีทองลงมาประดิษฐานแทรกในระหว่างพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์

     พระนางจามเทวีทรงเห็นอัศจรรย์นั้น ยิ่งมีจิตโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ทรงโปรดให้จัดงานสมโภช 9 วัน 9 คืน และได้ถวายพระนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า พระพุทธแซกคำ ตามเหตุที่ท่านได้แหวกอากาศธาตุลงมาตามลำแสงและมาแทรกอยู่กลางพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์

     มุมมองด้านหน้าของพระอุโบสถ







     ด้านในพระวิหารประดิษฐานด้วยพระประธาน 1 องค์ โดยด้านหน้าองค์พระประธาน จะมีรูปหล่อสมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี





พระบรมธาตุเจดีย์

     ภายในพระบรมธาตุเจดีย์มีห้องที่สถิตพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2441 ชาวอังกฤษได้ค้นพบโดยบังเอิญในผอบที่บริเวณอันเคยเป็นที่ตั้งของเมืองกบิลพัสดุ์ บนฝาผอบมีจารึกเป็นตัวอักษรพราหมณ์ ระบุว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุในส่วนของพระราชวงศ์ศากยะ ถือว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพบแห่งเดียวในโลกที่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างแน่ชัด

     ครั้นเมื่อ พระชินวรวงศ์ (พระองค์เจ้าปฤษฎางค์) เสด็จธุดงค์ไปในที่เกิดเหตุในขณะนั้น จึงได้ติดต่ออุปราชอินเดีย ขอให้ถวายพระบรมสารีริกธาตุนี้แด่พระบามสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ซึ่งรัฐบาลอังกฤษก็ได้ดำเนินการตามนั้นในเวลาต่อมา

     พระบรมสารีริกธาตุส่วนใหญ่ถูกอัญเชิญไปไว้บนพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) แต่มีบางส่วนพระบามสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้พระราชทานให้ประเทศญี่ปุ่น และชาวพุทธในประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศศรีลังกา

    ที่ประเทศศรีลังกา พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกอัญเชิญไปสถิตอยู่ที่วัดศรีสุภูติวิหาร ที่อำเภอวัสกาดูวา และวัดทิปทุตตมะรามา (วัดไทย) กับวัดโพธิรักษ์รามา

     ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 เจ้าอาวาสวัดโพธิรักษ์รามา ได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุองค์หนึ่งให้ ม.ล. อนงค์ ชุมสาย นิลอุบล ซึ่งได้นำมาบรรจุไว้ในพระบรมธาตุเจดีย์ วัดคฤหัสบดี ในปี พ.ศ. 2554








มุมนี้ถ่ายจากท่าน้ำวัดคฤหัสบดี




     สรุปแล้ว วัดฤหัสบดี ถึงแม้จะเป็นวัดที่มีขนาดไม่ใหญ่และมักจะไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนโดยส่วนใหญ่ แต่วัดแห่งนี้ก็เป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อพระพุทธแซกคำ ซึ่งเป็นพระพทุธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีประวัติและตำนานอันน่าสนใจเป็นยิ่งนัก


1 ความคิดเห็น: